รุ่นรถ : รถบรรทุกอีซูซุ ตระกูล F และ G | |
การเชื่อมไฟฟ้า (Arc Welding) | |
การเชื่อมโลหะด้วยไฟฟ้า เป็นกระบวนการสำหรับเชื่อมซ่อมแซมชิ้นส่วนโลหะที่ชำรุดหรือประกอบชิ้นส่วนโลหะเข้าด้วยกัน กระบวนการเชื่อมไฟฟ้าที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้คือ การเชื่อมไฟฟ้าด้วยลวดเชื่อมมีสารพอกหุ้ม (Shielded Metal Arc Welding) หรือเรียกว่าการเชื่อมด้วยธูปเชื่อม ข้อดีของกระบวนการเชื่อมแบบนี้ คือ สามารถเชื่อมได้ทั้งโลหะที่เป็นเหล็กและไม่ใช่เหล็กที่มีความหนาตั้งแต่ 1.2 มม.ขึ้นไป และสามารถเชื่อมได้ทุกท่าเชื่อม | |
![]() |
|
ภาพที่ 1 แสดงการเชื่อมไฟฟ้า | |
หลักการเชื่อมไฟฟ้าด้วยลวดเชื่อมมีสารพอกหุ้ม (Shielded Metal Arc Welding) | |
คือ กรรมวิธีการต่อโลหะให้ติดกันด้วยความร้อนจากการอาร์กระหว่างลวดเชื่อมไฟฟ้า (Electrode) กับชิ้นงาน ความร้อนที่เกิดจากการอาร์กสูงประมาณ 6,000 องศาฟาเรนไฮต์ (3,316 องศาเซลเซียส) เพื่อหลอมละลายโลหะให้ติดกัน โดยโลหะแกนลวดเชื่อมทำหน้าที่เป็นตัวนำกระแสไฟฟ้าและละลายเป็นเนื้อโลหะเชื่อม ส่วนฟลักซ์ที่หุ้มลวดเชื่อมจะได้รับความร้อนและหลอมละลายปกคลุมรอยเชื่อมเอาไว้เพื่อป้องกันอากาศภายนอกเข้ามาทำปฏิกริยากับรอยเชื่อม พร้อมทั้งช่วยลดอัตราการเย็นตัวของรอยเชื่อมอีกด้วย เมื่อเย็นตัวแล้วฟลักซ์จะแข็งและเปราะเหมือนแก้วเรียกว่า สแลก (Slag) | |
วงจรพื้นฐานของการเชื่อม (Basic arc welding circuit) | |
วงจรพื้นฐานของการเชื่อมไฟฟ้าประกอบด้วยอุปกรณ์หลัก ได้แก่ เครื่องเชื่อมซึ่งเป็นต้นกำลังการผลิตกระแสเชื่อมในวงจร โดยใช้แรงเคลื่อนไฟฟ้าอยู่ระหว่าง 40 – 100 โวลต์ | |
หมายเหตุ : แรงเคลื่อนไฟฟ้าในรถยนต์มี 2 แรงเคลื่อน คือ 12 โวลต์ และ 24 โวลต์ เมื่อเทียบกับแรงเคลื่อนไฟฟ้าในวงจรการเชื่อมไฟฟ้า จะพบว่า มีแรงเคลื่อนน้อยกว่า 4 – 8 เท่าตัว ถ้าปฎิบัติผิดขั้นตอน อาจส่งผลให้อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์เกิดความเสียหายได้ | |
ขั้นตอนปฏิบัติในการเชื่อมไฟฟ้าที่อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของรถยนต์ | |
![]() |
|
ภาพที่ 2 แสดงตัวอย่าง การไหลของแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่ไม่เหมาะสมขณะทำการเชื่อม | |
จากภาพที่ 2 แสดงตัวอย่าง การไหลของแรงเคลื่อนไฟฟ้าในระบบการเชื่อมไฟฟ้า ที่ ไม่เหมาะสม ขณะทำการเชื่อมตัวถังหรือโครงแชสซีส์ และขั้นตอนปฏิบัติที่ไม่เหมาะสม | |
1. บิดสวิทช์กุญแจไว้ที่ตำแหน่ง “เปิด (ON)” |
|
ซึ่งขั้นตอนปฎิบัติดังกล่าวข้างต้นล้วนเป็นปัจจัยที่อาจจะส่งผลให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของ รถยนต์ทั้งสิ้น ตัวอย่างเช่น การบิดสวิทช์กุญแจไว้ที่ตำแหน่ง “เปิด (ON)” กระแสไฟฟ้าแรงเคลื่อน 24 โวลต์ จากแบตเตอรี่วิ่งเข้าไปเลี้ยงอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็คทรอนิคส์ในรถยนต์ บางระบบครบวงจร บางระบบไม่ครบวงจร (เนื่องจากรอเปิดสวิทช์เพื่อใช้งานระบบจึงจะครบวงจร) เมื่อเราต่อระบบการเชื่อมไฟฟ้าเข้าไปในรถคันนี้พร้อมๆกัน เท่ากับรถคันนี้มีแรงเคลื่อนไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 24 โวลต์ เป็น 40 – 100 โวลต์ ซึ่งอาจส่งผลทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์เกิดการเสียหายได้ |
|
ข้อแนะนำในการปฏิบัติงานเชื่อมไฟฟ้า | |
1. บิดสวิทช์กุญแจไปตำแหน่ง “ปิด (Lock)” | ![]() |
2. ถอดขั้ว “ลบ ( – )” (ห้ามถอดด้านแชสซีส์) และ ขั้ว “บวก ( + )” ที่แบตเตอรี่ออก |
![]() |
3. ถอดขั้วปลั๊กอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลักๆ ที่สำคัญ ออก( ECM , *EDU และ DC-DC Convertor ) |
![]() |
4. ต้องแน่ใจว่าต่อสายกราวด์ของเครื่องเชื่อมใกล้กับ ชิ้น ส่วนทำการเชื่อม ถ้าจุดนั้นมีสีเคลือบ ต้องขูดสีออก
|
![]() |
5. การป้องกันขณะทำการเชื่อม
|
![]() |
![]() |
|
6. ห้ามเชื่อมขณะตัวรถเปียกน้ำหรือความชื้น | |
![]() |
|
7. ห้ามลดความร้อนจุดที่ทำการเชื่อมอย่างรวดเร็ว เช่น ใช้น้ำราดรอยเชื่อม เพราะจะส่งผลให้โครงสร้างของเหล็ก เสียหายซึ่งส่งผลโดยตรงกับความแข็งแรง |
![]() |
8. ควรถอดถังน้ำมันเชื้อเพลิงก่อนทำการเชื่อม ถ้าจุดที่จะทำการเชื่อมอยู่ใกล้กับถังน้ำมันในระยะ 20 ซม. |
![]() |
9. เมื่อทำการเชื่อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ติดตั้งปลั๊กอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ ( ECM , *EDU และ DC-DC Convertor ) ขั้ว “บวก ( + )” และขั้ว “ลบ ( – )” แบตเตอรี่ พร้อมเก็บสีในจุดที่ต่อสาย กราวด์ด้วยเพื่อให้ ตัวรถกลับสู่สภาพเดิม* อุปกรณ์ที่มีเฉพาะ ในรถรุ่นเครื่องยนต์ CNG-MPI |
![]() |
ข้อมูลจาก บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด www.isuzu-tis.com |
หน้าที่เข้าชม | 1,594,745 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,001,731 ครั้ง |
เปิดร้าน | 2 มี.ค. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 9 ก.ย. 2568 |